OnePlus 12 มีจุดน่าสนใจหลายจุด ทั้งการออกแบบเครื่องที่โดดเด่นและยังมีการใช้สีสันที่สวยงามและมีการใช้ลดลายหลังเครื่องเหมือนกับงานศิลปะชั้นดี สีเขียว Flowy Emerald และ สีดำ Silky Black ได้รับแรงบันดาลใจจากปรากฏการณ์อันน่าทึ่งของแม่น้ำ Dart ที่ถักทอเป็นรูปทรงคดเคี้ยวในประเทศนิวซีแลนด์
หน้าจอของ OnePlus 12 เป็นแบบ ProXDR 2K 120Hz ที่ขับเคลื่อนโดยรูปแบบพิกเซลบลูไดมอนด์ใหม่ล่าสุดของ BOE ซึ่งช่วยให้ OnePlus 12 เข้าถึงความสว่างสูงสุดที่ 4,500 nits (Peak Mode) และแสดงผลแบบ ProXDR พร้อมกับมีค่า Refresh Rate 1 – 120Hz แบบ Adaptive
และยังทัชได้แม่นยำกับฟีเจอร์ Aqua Touch สามารถตรวจจับนิ้วมือที่เปียกและหยดน้ำบนหน้าจอ ช่วยลดปัญหาที่เกี่ยวกับมือที่เปียกเหงื่อและการสัมผัสติดขัดระหว่างการเล่นเกมรวมไปถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างมาก
ลำโพงคู่และมาพร้อมเทคโนโลยี 3D Spatial Audio, Dolby ATMOS มาแบบครบครัน
ด้านกล้องนั้นก็มีการจับมือกับ Hasselblad รอบนี้ตัวกล้องหลักเป็น LYT-808 ใหม่จาก Sony พร้อมกับค่ารูรับแสง F/1.6 ได้ความละเอียด 50 MP
กล้อง Periscope Telephot จาก OV64B รองรับการซูม 3x และไปจนถึง 120 เท่า และเลนส์มุมกว้างที่ให้มมุมกว้าง 114 องศา
ด้านขุมพลังนอกจาก Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 ที่ได้ประสิทธิภาพสูงทั้ง CPU ดีขึ้น 30% และ GPU แรงขึ้น 25% ผ่านเทคโนโลยี Trinity Engine ยังได้ RAM สูงสุด 16GB และความจำสูงสุด 512GB ที่เขียนและอ่นได้ไว และใช้งานได้พร้อมกันนานถึง 72 ชั่วโมง
และยังรองรับ Snpadragon Spaces Ready ที่สามารถทงานำกับอุปกรณ์ XR ทั้งหลาย พร้อมกับระบบระบายความร้อน Dual Cryo-velocity VC โครงสร้างการกระจายความร้อนแบบ 3 มิติ และการออกแบบ VC คู่พร้อมพื้นที่ที่ครอบคลุมถึง 9,140 ตารางมิลลิเมตร ดูดซับความร้อนได้เร็ว
ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 5400 mAh รองรับ 100W SUPERVOOC Endurance Edition สามารถชาร์จไฟได้จาก 1 – 100% ได้ภายใน 26 นาที ซึ่งเทคโนโลยีนี้สหรัฐอเมริกาจะได้แค่ 80W เท่านั้น ส่วนระบบชาร์จไฟไร้สาย AIRVOOC รองรับกำลัง 50W
ด้วยแบตเตอรี่ใหญ่ขนาดนี้ ความสามารถในการรันเกม Genshin Impact ที่การตั้งค่าสูงสุด โดยมีอัตราเฟรมสม่ำเสมอที่ 57.4FPS3 (เฟรมต่อวินาที) ในระหว่างการทดสอบเป็นเวลา 3 ชั่วโมง และด้วยประสิทธิภาพแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนายังช่วยให้สามารถถ่ายวิดีโอต่อเนื่องได้นาน 5.5 ชั่วโมงบนความละเอียด 1080p ที่ 30Hz