ซัมซุงเปิดตัว Galaxy S24 Series พร้อมกับการก้าวเข้าสู่ยุค Mobile AI เป็นครั้งแรก เพราะแทบทุกส่วนของการทำงานจะมี AI เข้ามาเกี่ยวข้องแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์การแปลภาษา, การพูดคุยกับ AI หรือการแต่งรูป ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ใช้งานแบบไร้ขีดจำกัด และทลายกำแพงด้านการสื่อสาร ช่วยก้าวข้ามกำแพลงด้านภาษาได้ ไปชมฟีเจอร์น่าสนใจกันเลย
ซัมซุงจับมือกับ Google สร้างวิธีการค้นหาข้อมูลแบบใหม่ ค้นหาอะไรบนหน้าจอก็ได้ แค่กดปุ่มโฮมค้างไว้ > วาดวงกลม ไฮไลท์ ขีดเขียน > แตะสิ่งที่ต้องการค้นหาบนหน้าจอ > อ่านผลการค้นหาข้อมูลบน google ได้ทันที
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปภาพ หรือสถานที่ใดๆ ที่อยู่บนหน้าจอ โดยไม่ต้องออกจากแอปที่ใช้อยู่เลย และสามารถพูดคุยให้ AI Generate เพิ่มเติมได้ด้วย ซึ่งสามารถใช้ AI แสดงภาพและรวมข้อมูลที่จำเป็นจากอินเทอร์เน็ตได้ ช่วยให้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้สะดวกมากขึ้น
ฟีเจอร์นี้ให้ความรู้สึกเหมือนวุ้นแปลภาษาที่สามารถโทรหาเพื่อนแล้วแปลภาษาของเสียงสนทนาได้เลย พูดปุ๊ป แปลปั๊ปแบบเรียลไทม์ เพียงแค่เลือกภาษาที่ฝั่งต้นสายพูด กับภาษาปลายสายที่ต้องการแปล โดยปลายสายก็จะได้ยินเสียงเป็นภาษาที่เลือกให้แปล ไม่มีอินเทอร์เน็ตก็ใช้งานได้ และสามารถแปลข้อความในแชทได้ด้วย
และที่สำคัญคือ AI จะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวให้ทุกการสนทนาด้วยการ Sign in Samsung account ไม่โดนอัปโหลดไปเซอร์เวอร์ระหว่างทางแน่นอน
สามารถแปลภาษาและช่วยปรับโทนภาษาให้เหมาะสมตามบริบทได้ อยากให้เป็นภาษาทางการ หรือมีความเฟรนลี่มากขึ้น หรือจะเป็นการแนะนำอิโมจิ, แฮชแท็ก เวลาโพสต์ลงโซเชียล AI ตัวนี้ก็ทำได้อีกเช่นกัน โดย AI ใน Samsung Keyboard รองรับการแปลข้อความได้ 13 ภาษา แบบเรียลไทม์
และยังรองรับระบบ Android Auto ด้วยที่สามารถช่วยสรุปข้อความและแนะนำคำตอบขณะขับรถได้ เช่น
การแจ้งเวลาที่คาดว่าจะเดินทางถึงกับเพื่อน ช่วยให้ตอบแชทในระหว่างขับขี่ได้อย่างปลอดภัย
ฟีเจอร์นี้คือการใช้ AI ช่วยสรุปใจความสำคัญให้บน Samsung Note โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาอ่านบทความยาวๆ แค่กดปุ่ม Summarize หนึ่งในฟีเจอร์ Galaxy AI เพียงเท่านี้ตัว AI ก็จะสรุปใจความสำคัญให้เลย แถมยังกดแปลภาษาได้ด้วย รองรับการใช้งานทั้ง Samsung Note และ Samsung Internet
ฟีเจอร์นี้เป็นการใช้ AI ตรวจจับเสียงที่กดบันทึกไว้ผ่าน Voice Recorder แล้ว convert มาเป็น Text ได้ หรือใช้เทคโนโลยี Speech-to-Text ก็ได้เช่นกัน ฟีเจอร์นี้เหมาะกับการใช้อัดเสียงที่พูดยาวๆ การสัมมนา หรือเลคเชอร์ในห้องเรียนมากกว่า
เปรียบเสมือนล่ามแปลบทสนทนาแบบต่อหน้า หรือจะเรียกว่า Face to Face ก็ได้ ฟีเจอร์นี้เหมาะกับการคุยกับชาวต่างชาติมากๆ ไม่ต้องเสียเวลาหันโทรศัพท์ไปให้อีกฝั่งพูด โดยหน้าจอจะแสดงผลเป็นหน้าต่างแยกให้ทันที ช่วยให้คู่สนทนาที่ยืนฝั่งตรงข้ามสามารถอ่านและเข้าใจบทสนทนาได้แบบเรียลไทม์เลย ฟีเจอร์นี้ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานได้
ฟีเจอร์ AI พัฒนาเรื่องการแต่งรูปให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นการลบวัตถุ ลบคน รีมาสเตอร์ หรือใช้ Generative Edit ให้ความรู้สึกเหมือนย้าย Photoshop มาอยู่บนมือถือเครื่องเดียว สมมติว่าผู้ใช้ถ่ายภาพมาแบบเอียงๆ แล้วอยากจะ Rotate รูปให้ตรงก็สามารถใช้ AI Generative เติมเต็มรูปภาพได้ หรือการย้ายวัตุก็ทำได้เช่นกัน เรียกได้ว่า ครบ จบ ในมือถือเครื่องเดียวจริงๆ
ใช้ AI แนะนำการปรับแต่งที่ดีที่สุดให้กับแต่ละภาพ เช่น ปรับโทนสีของตัวแบบ (Tone Adjustment), Noise reduction, ปรับความคมชัดของภาพ (Detail Enhancement)
เป็นฟีเจอร์ Space Zoom ที่ใช้ AI เพิ่มความคมชัดให้การถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อย ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการซูมถ่ายในตอนกลางคืนก็จะทำได้ชัดขึ้นด้วย ใครชอบถ่ายรูปศิลปินในคอนเสิร์ตรับรองว่าฟีเจอร์นี้ตอบโจทย์แน่นอน ด้วยเซนเซอร์รุ่นใหม่ความละเอียด 5 เท่า และขนาดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้คมชัดขึ้นกว่าเดิม