1. ห้ามเปิดเครื่องทันที การเปิดเครื่องทันทีอาจทำให้น้ำหรือความชื้นเข้าไปในตัวเครื่องมากขึ้น และอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
2. ห้ามชาร์จแบตเตอรี่ การชาร์จแบตเตอรี่ในขณะที่มือถือเปียกน้ำอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้
3. ห้ามเขย่ามือถือ การเขย่ามือถืออาจทำให้น้ำหรือความชื้นกระจายเข้าไปในตัวเครื่องมากขึ้น
4. ห้ามเป่าลม การเป่าลมอาจทำให้น้ำหรือความชื้นเข้าไปในตัวเครื่องมากขึ้น
5. ห้ามใช้ความร้อน การไดร์ผม ไมโครเวฟ หรือวางตากแดดอาจทำให้ตัวเครื่องเสียหายได้
1. นำมือถือออกจากแหล่งน้ำ ทันทีที่มือถือโดนฝน ให้นำมือถือออกจากแหล่งน้ำทันที เพื่อไม่ให้น้ำหรือความชื้นเข้าไปในตัวเครื่องมากขึ้น
2. ปิดเครื่องและถอดแบตเตอรี่ออก การเปิดเครื่องในขณะที่มือถือเปียกน้ำอาจทำให้น้ำหรือความชื้นเข้าไปในตัวเครื่องมากขึ้น และอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ การถอดแบตเตอรี่ออกจะช่วยป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสียหาย
3. ใช้ผ้าหรือทิชชู่ชนิดที่ไม่มีขนซับน้ำออกให้มากที่สุด ใช้ผ้าหรือทิชชู่ชนิดที่ไม่มีขนซับน้ำออกให้มากที่สุด โดยเน้นซับน้ำออกจากช่องพอร์ตต่างๆ เช่น พอร์ตชาร์จ พอร์ตหูฟัง พอร์ตไมโครโฟน เป็นต้น
4. ใส่มือถือไว้ในถุงสุญญากาศหรือกล่องที่ปิดสนิท จะช่วยดูดความชื้นออกจากตัวเครื่อง
5. นำไปตากแดดหรือใช้พัดลมเป่าให้แห้ง ไม่ควรใช้ความร้อนสูง เช่น ไดร์ผม ไมโครเวฟ หรือวางตากแดดโดยตรง เพราะอาจทำให้ตัวเครื่องเสียหายได้
หากทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้วมือถือยังไม่สามารถใช้งานได้ ควรนำไปให้ช่างซ่อมมือถือตรวจสอบและซ่อมแซมต่อไป
นอกจากนี้ ควรป้องกันมือถือไม่ให้โดนฝน โดยใส่เคสกันน้ำหรือถุงกันน้ำเมื่อจำเป็นต้องใช้งานกลางสายฝน